วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ครั้งที่ 8
บันทึกอนุทิน

วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ

วันจันทร์  ที่  20 เดือนตุลาคม  พ.ศ.2557

เวลา 11.30-14.00 น.


เนื้อหาที่ได้เรียนรู้ในวันนี้

เด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ (Children with Behavioral and Emotional Disorders)
-มีความรู้สึกนึกคิดที่ผิดไปจากปกติ
-แสดงออกถึงความต้องการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
-มีความเชื่อมั่นในตนเองต่ำ
-เด็กที่มีการควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในสภาพปกตินานๆ ไม่ได้
-ทำให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเรียบร้อย
ลักษณะของเด็กที่บกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
-ความวิตกกังวล (Anxiety) ซึ่งทำให้เด็กมีนิสัยขี้กลัว
-ภาวะซึมเศร้า (Depression) มีความเศร้าในระดับที่สูงขึ้นไป
-ปัญหาทางสุขภาพ และขาดแรงกระตุ้นหรือความหวังในชีวิต

การจำแนกเด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรม
และอารมณ์ ตามกลุ่มอาการ
ด้านความพฤติกรรม (Conduct Disorders)
-ทำร้ายผู้อื่น ทำลายสิ่งของ ลักทรัพย์
-ฉุนเฉียวง่าย หุนหันพลันแล่น และเกรี้ยวกราด
-กลับกลอก เชื่อถือไม่ได้ ชอบโกหก ชอบโทษผู้อื่น
-เอะอะและหยาบคาย
-หนีเรียน รวมถึงหนีออกจจากบ้าน
-ใช้สารเสพติด
-หมกหมุ่นในกิจกรรมทางเพศ
ด้านความตั้งใจและสมาธิ (Attention and Concentration)
-จดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งในระยะสั้น (Short attention span) อาจไม่เกิน 20 วินาที
-ถูกสิ่งต่างๆ รอบตัวดึงความสนใจได้ตลอดเวลา
-งัวเงีย ไม่แสดงความสนใจใดๆ รวมถึงมีท่าทางเหมือนไม่ฟังสิ่งที่ผู้อื่นพูด
สมาธิสั้น (Attention Deficit)
-มีลักษณะกระวนกระวาย ไม่สามารถนั่งนิ่งๆได้ หยุกหยิกไปมา
-พูดคุยตลอดเวลา มักรบกวนหรือเรียกร้องความสนใจจากผู้อื่น
-มีทักษะการจัดการในระดับต่ำ
การถอดตัวหรือล้มเลิก (Withdrawal)
-หลีกเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น และมักรู้สึกว่าตนเองด้อยกว่าผู้อื่น
-เฉื่อยชา และมีลักษณะคล้ายเหนื่อยตลอดเวลา
-ขาดความั่นใจ ขี้อาย ขี้กลัว ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก
ความผิดปกติในการทำงานของร่างกาย(Function Disorder)
-ความผิดปกติเกี่ยวกับพฤติกรรมการกิน (Eating Disorder)
-การอาเจียนโดยสมัครใจ (Voluntary Regurgitation)
-การปฏิเสธที่จะรับประทานอาหาร
-โรคอ้วน (Obesity)
-ความผิดปกติของการขับถ่ายทั้งอุจารระและปัสสาวะ(Elimination Disorder)
ภาวะความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ระดับรุนแรง
-ขาดเหตุผลในการคิด
-อาการหลงผิด (Delusion)
-อาการประสาทหลอน (Hallucination)
-พฤติกรรมการทำร้ายตนเอง 
สาเหตุ
-ปัจจัยทางชีวภาพ (Biology)
-ปัจจัยทางจิตสังคม (Psychosocial)
ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเด็ก
-ไม่สามารถเรียนหนังสือได้เช่นเด็กปกติ
-รักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนหรือกับครูไม่ได้
-มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เมื่อเทียบกับเด็กในวัยเดียวกัน
-มีความคับข้องใจ มีความเก็บกดอารมณ์
-แสดงอารการทางร่างกาย เช่น ปวดศรีษะ ปวดตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
-มีความหวาดกลัว
เด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรม ซึ่งจัดว่ามีความรุนแรงมาก
1.เด็กสมาธิสั้น (Children with Attention Deficit and Hyperactivity Disorders)
2.เด็กออทิสติก (Autistic) หรือ ออทิสซึ่ม (Autisum)

เด็กสมาธิสั้น
(Children with Attention Deficit 
Hyperactivity Disorders)
ADHD เป็นภาวะผิดปกติทางจิตเวช มีลักษณะเด่นอยู่ 3 ประการ
1.Inattentivenessn คือ สมาธิไม่ดี
2.Hyperactivity คือ อยู่ไม่นิ่ง
3.Impulsiveness คือ ไม่มีความยับยั้งชั่งใจ
Inattentivenessn (สมาธิสั้น)
-ทำอะไรได้ไม่นาน วอกแวก ไม่มีสมาธิ
-ไม่สามารถจดจ่อกับงานที่กำลังทำได้นานเพียงพอ
-มักใจลอยหรือเหม่อลอยง่าย
-เด็กเล็กๆจะเล่นอะไรได้ไม่นาน เปลี่ยนของเล่นไปเรื่อยๆ
-เด็กโตมักทำงานไม่เสร็จตามที่สั่ง ทำงานตกหล่น ไม่ครบ ไม่ละเอียด
Hyperactivity (ซนอยู่ไม่นิ่ง)
-ซุกซนไม่ยอมอยู่นิ่ง ซนมาก
-เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
-เหลียวซ้ายแลขวา
-ยุกยิก เกาะโน่นเกานี่
-อยู่ไม่สุข ปีนป่าย
-นั่งไม่นิ่ง
Impulsiveness (หุนหันพลันแล่น)
-ยับยั้งตัวเองไม่ค่อยได้ มักทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด วู่วาม
-ขาดความยับยั้งชั่งใจ
-ไม่อดทนต่อการรอคอย หรือกฎระเบียบ
-ไม่อยู่ในกติกา
-ทำอะไรค่อนข้างรุนแรง
-พูดโพล่ง ทะลุกลางปล้อง
-ไม่รอคอยให้คนอื่นพูดจบก่อน ชอบมาสอดแทรกเวลาคนอื่นคุยกัน
สาเหตุ
-ความผิดปกติของสารเคมีบางชนิในสมอง เช่น โดปามีน (dopamine) นอร์อิพิเนฟริน (norepinephrine)
-ความผิดปกติในการทำงานของวงจรที่ควบคุมสมาธิ และการตื่นตัว อยู่ที่สมองส่วนหน้า (frontal cortex)
-พันธุกรรม
-สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสมาธิสั้น
   สมาธิสั้น ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของพ่อแม่ที่เลี้ยงดูผิดวิธี ตามใจมากเกินไป หรือปล่อยปละละเลยจนเกินไป และไม่ใช่ความผิดของเด้กที่ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ แต่ปัญหาอยู่ที่การทำงานของสมองที่ควบคุมเรื่องสมาธิของเด็ก
ลักษณะของเด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
-อุจจาระ ปัสสาวะรดเสื้อผ้า หรือที่นอน
-ยังติดขวดนม หรือตุ๊กตา และของใช้ในวัยทารก
-ดูดนิ้ว กัดเล็บ
-หงอยเหงาเศร้าซึม การหนีสังคม
-เรียกร้องความสนใจ
-อารมณ์หวั่นไหวง่ายต่อสิ่งเร้า
-ขี้อิจฉาริษยา ก้าวร้าว
-ฝันกลางวัน
-พูดเพ้อเจ้อ

เด็กพิการซ้ำซ้อน (Children with Multiple Handicaps)
-เด็กที่มีความบกพร่องที่มากกว่าหนึ่งอย่าง เป็นเหตุให้เกิดปัญหาขัดข้องในการเรียนรู้อย่างมาก
-เด็กปัญญาอ่่อนที่สูญเสียการได้ยิน
-เด็กปํญญาอ่อนที่ตาบอด
-เด็กที่ทั้งหูหนวกและตาบอด



ความรู้ที่ได้รับ
      ได้เรียนรู้และเข้าใจอาการของเด็กพิเศษมากยิ่งขึ้น ว่าเป็นเช่นไร สาเหตุเกิดจากอะไร เราควรมีวิธีการที่จะต้องดูแลในลักษณะอย่างไรจึงจะเหมาะสมในของเด็กแต่ละบุคคล 

การนำไปประยุกต์ใช้
-เพิ่มทักษะที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตและเสริมสร้างพัฒนาการตามวัยให้กับเด็กพิเศษ
-สร้างความเข้าใจและเจตคติที่ดีต่อความสามารถของเด็ก และสร้างแรงจูงใจ ความเชื่อมั่นให้กับผู้ดูแลเพื่อให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับเด็กได้

ประเมินตนเอง
-แต่งกายเรียบร้อยค่ะ ตั้งใจฟังอาจารย์สอนแต่อาจมีง่วงบ้างเล็กน้อย แต่ก็พอเข้าใจในเนื้อหาค่ะ

ประเมินเพื่อน
-เพื่อนๆ นั่งฟังที่อาจารย์สอนได้เป็นอย่างดีค่ะ แต่บางคนก็มีเสียงดังบ้างเล็กน้อย

ประเมินอาจารย์
-อาจารย์แต่งกายเรียบร้อย สุภาพ สะอาด สอนให้ได้เข้าใจง่ายและอธิบายได้ละเอียดค่ะ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น