วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ครั้งที่ 7
บันทึกอนุทิน

วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ

วันจันทร์  ที่  13 เดือนตุลาคม  พ.ศ.2557

เวลา  11.30-14.00 น.


เนื้อหาที่ได้เรียนรู้ในวันนี้..........

เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ (Childern with Learning Disabilities)
-เรียกย่อๆ ว่า L.D. (Learning Disabilities)
-เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้เฉพาะอย่าง
-ไม่นับรวมเด็กที่มีปัญหาเพียงเล็กน้อยทางการเรียน เด็กที่มีปัญหาเนื่องจากความพิการ หรือความบกพร่องทางร่างกาย
สาเหตุ
-ความผิดปกติของการทำงานของสมองที่ไม่สามารถถอดรหัสตัวอักษรออกมาได้ (เชื่อมโยงภาพตัวอักษรเข้ากับเสียงไม่ได้
-กรรมพันธุ์

1.ด้านการอ่าน (Reading Disorder)
-อ่านหนังสือช้า ต้องสะกดทีละคำ
-อ่านออกเสียงไม่ชัด ออกเสียงผิด หรืออาจข้ามคำที่อ่่านไม่ได้ไปเลย
-ไม่เข้าใจเนื้อหาที่อ่าน หรือจับใจความสำคัญไม่ได้
ลักษณะของเด็ก LD ด้านการอ่าน
-อ่านช้า อ่านคำต่อคำ ต้องสะกดคำถึงจะอ่านได้
-อ่านออกเสียงไม่ชัดเจน
-เดาคำเวลาอ่าน
-อ่านข้าม อ่านเพิ่มคำ อ่านผิดประโยคหรือผิดตำแหน่ง
-อ่านโดยไม่เน้นคำ หรือเน้นข้อความบางตอน
-ผันเสียงวรรณยุกต์ไม่ได้
-ไม่รู้ความหมายของเรื่องที่อ่าน
-เล่าเรื่องที่อ่านไม่ได้ จับใจความสำคัญไม่ได้

2.ด้านการเขียน (Writing Disorder)
-เขียนตัวหนังสือผิด สับสนเรื่องการม้วนหัวอักษร เช่น จาก ม เป็น น หรือจาก ภ เป็น ถ เป็นต้น
-เขียนตามการออกเสียง เช่น ประเภท เขียนเป็น ประเพด
-เขียนสลับ เช่น สถิติ เขียนเป็น สติถิ
ลักษณะของเด็ก LD ด้านการเขียน
-ลากเส้นวนๆ ไม่รู้ว่าจะม้วนหัวเข้าในหรือออกนอก ขีดวนๆ ซ้ำๆ
-เขียนพยัญชนะหรือตัวเลขสลับกัน
-จับดินสอหรือปากกาแน่นมาก
-สะกดคำผิด โดยเฉพาะคำพ้องเสียง ตัวสะกดแม่เดียวกัน ตัวการันต์
-เขียนหนังสือช้าเพราะกลัวสะกดผิด
-เขียนไม่ตรงบรรทัด ขนาดตัวอักษรไม่เท่ากัน ไม่เว้นขอบ ไม่เว้นช่องไฟ 
-ลบบ่อยๆ เขียนทับคำเดิมหลายครั้ง

3.ด้านการคิดคำนวณ (Mathematic Disorder)
-ตัวเลขผิดลำดับ
-ไม่เข้าใจเรื่องการทดเลขหรือการยืมเลขเวลาทำการบวกหรือลบ
-ไม่เข้าหลักเลขหน่วย สิบ ร้อย
-แก้โจทย์ปัญหาเลขไม่ได้
ลักษณะของเด็ก LD ด้านการคำนวณ
-ไม่เข้าใจค่าของตัวเลขเช่นหลักหน่วยสิบร้อยพันหมื่นเป็นเท่าใด
-นับเลขไปข้างหน้าหรือถอยหลังไม่ได้
-คำนวณบวกลบคูรหารโดยการนับนิ้ว
-จำสูตรคูณไม่ได้
-เขัยนเลขกลับกันเช่น13เป็น31
-ทดไม่เป็นหรือยืมไม่เป็น
-ตีโจทย์เลขไม่ออก
-คำนวณเลขจากซ้ายไปขวาแทนที่จะทำจากขวาไปซ้าย
-ไม่เข้าใจเรื่องเวลา

ออทิสติก (Autistic)
-เด็กที่ไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
-ไม่สามารถเข้าใจคำพูด ความรู้สึก และความต้องการของผู้อื่น
-ไม่สามารถที่จะสื่อสารกับคนรอบข้างและสังคม
-เด็กออทิสติกแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ของตนเอง
-ติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต
ลักษณะของเด็กออทิสติก
-อยู่ในโลกของตนเอง
-ไม่เข้าไปหาใครเพื่อให้ปลอบใจ
-ไม่เข้าไปเล่นในกลุ่มเพื่อน
-ไม่ยอมพูด
-เคลื่อนไหวแบบซ้ำๆ

เกณฑ์การวินิจฉัยออทิสติก องค์กรอนามัยโลกและสมาคมจิตแพทย์อเมริกา

ความผิดปกติของปฏิสัมพันธ์ทางสังคมอย่างน้อย 2 ข้อ
-ไม่สามารถใช้ภาษาท่าทางสื่อสารทางสังคมกับบุคคลอื่น
-ไม่สามารถสร้างสัมพันธภาพกับบุคคลให้เหมาะสมตามวัย
-ขาดความสามารถใการแสวงหาการมีกิจกรรม ความสนใจ และความสนุกสนานร่วมกับผู้อื่น
-ขาดทักษะการสื่อสารทางสังคมและทางอารมณ์กับบุคคลอื่น

ความผิดปกติด้านการสื่อสารอย่างน้อย 1 ข้อ
-มีความล่าช้าหรือไม่มีการพัฒนาในด้านภาษาพูด
-ในรายที่สามารถพูดได้แล้วแต่ไม่สามารถที่จะเริ่มต้นบทสนาหรือโต้ตอบบทสนทนากับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม
-พูดซ้ำๆ หรือมีรูปแบบจำกัดในการใช้ภาษา เพื่อสื่อสารหรือส่งเสียงไม่เป็นภาษาอย่างไม่เหมาะสม
-ไม่สามารถเล่นสมมติหรือเล่นลอกตามจิตนาการได้เหมาะสมกับระดับพัฒนาการ

มีพฤติกรรม ความน่าสนใจ และกิจกรรมที่ซ้ำๆ และจำกัดอย่างน้อย 1 ข้อ
-มีความสนใจที่ซ้ำๆ อย่างผิดปกติ
-มีกิจวัตรประจำวันหรือกฎเกณฑ์ที่ต้องทำโดยไม่สามารถยืดหยุ่นได้ ถึงแม้ว่ากิจวัตรหรือกฎเกณฑ์นั้นจะไม่มีประโยชน์
-มีการเคลื่อนไหวร่างกายซ้ำๆ
-สนใจเพียงบางส่วนของวัตถุ

พบความผิดปกติอย่างน้อย 1 ด้าน (ก่อนอายุ 3 ขวบ)
-ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
-การใช้ภาษาเพื่อสื่อความหมาย
-การเล่นสมมติหรือการเล่นตามจินตนาการ

พฤติกรรมการทำซ้ำ
-นั่งเคาะโต๊ะ หรือโบกมือนานเป็นชั่วโมง
-นั่งโยกหน้าโยกหลังเป็นเวลานาน
-วิ่งเข้าห้องนี่ไปห้องนู่น
-ไม่ยอมให้เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม

Autistic Savant
1.กลุ่มที่คิดด้วยภาพ (visual thinker) จะใช้การคิดแบบอุปนัย (bottom up thinking)
2.กลุ่มที่คิดโดยไม่ใช้ภาพ (music, math and memory thinery) จะใชการคิดแบบนิรนัย (top down thinking)

ความรู้ที่ได้รับ
     ได้เรียนรู้เกี่ยวความบกพร่องทางด้านต่างๆของเด็กปฐมวัยเพิ่มมากขึ้น ทั้งยังได้รู้ว่าเด็กแต่ละคนมีพัฒนาการที่แตกต่างกันออกไป และมีความสามารถที่ไม่เหมือนกัน เราควรที่จะต้องรู้และเข้าใจในตัวของเด็กอย่างลึกซึ้ง รวมถึงการเลี้ยงดู ดูแลอย่างใกล้ชิด สังเกตพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนที่มีความบกพร่องในลักษณะนี้อีกด้วย และได้เข้าใจถึงสาเหตุ ลักษณะอาการของเด็กพิเศษเหล่านั้น




การนำไปประยุกต์ใช้
-เราสามารถหาสื่อหรือเทคนิดของรูปแบบการสอนที่ง่ายๆ ที่เด็กสามารถทำได้ด้วยตนเอง แล้วนำไปสอนให้กับเด็กพิเศษให้ได้เกิดเรียนรู้ 

ประเมินตนเอง
-แต่งกายเรียบร้อย ตั้งใจฟังในเนื้อหาวิชาที่อาจารย์สอน จดบันทึกลงสมุด

ประเมินเพื่อน
-เพื่อนๆตั้งใจนั่งฟังในเนื้อหาวิชาที่อาจารย์กำลังสอน 

ประเมินอาจารย์
-อาจารย์แต่งกายเรียบร้อย สุภาพ สะอาด สามารถอธิบายและสอนได้อย่างเข้าใจ 

ค้นคว้าหาเพิ่มเติม
-

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น